สภาคองเกรสของเปรูห้ามอดีตประธานาธิบดีมาร์ติน วิซการ์รา ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี จากการที่อดีตผู้นำเปรู “ลักลอบ” ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก่อนประชาชน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลิมา ประเทศเปรู เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติของเปรูมีมติในการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ด้วยเสียงข้างมาก 86 เสียง ให้ตัดสิทธิการดำรงตำแหน่งทางการเมืองของอดีตประธานาธิบดีมาร์ติน วิซการ์รา เป็นเวลา 10 ปี จากการที่อดีตผู้นำเปรู วัย 58 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ก่อนที่สภานิติบัญญัติมีมติถอดถอนวิซการ์ราออกจากตำแหน่ง จากข้อกล่าวหาเรื่องการคอร์รัปชั่น เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว และในเวลานั้นกระทรวงสาธารณสุขของเปรูยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทแห่งใด

ขณะที่ พญ.ปิลาร์ มาซเซตติ อดีต รมว.สาธารณสุข ถูกเพิกถอนสิทธิการดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 8 ปี และนางเอลิซาเบธ อัสเตเต อดีต รมว.การต่างประเทศ ต้องเว้นวรรคทางการเมืองเป็นเวลา 1 ปี โดยอดีตรัฐมนตรีทั้งสองคน “มีความผิด” แบบเดียวกับวิซการ์รา นั่นคือการใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางการเมือง “เพื่อการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน” ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ก่อนมีการอนุมัติอย่างเป็นทางการ
 
ทั้งนี้ วิซการ์รากล่าวเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ว่าเขาและภริยาเข้ารับการฉีดวัคซีนของซิโนฟาร์ม เมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว โดยเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบทางคลินิกระยะที่สามในเปรู แต่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยในกรุงลิมา ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการทดลอง กล่าวว่า วิซการ์ราและภริยาไม่มีชื่อเป็นอาสาสมัครของการทดสอบ

ด้านประธานาธิบดีฟรานซิสโก ซากัสติ ผู้นำเปรูคนปัจจุบัน กล่าวว่า รัฐบาลจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับนักการเมืองที่เอาเปรียบบุคลากรการแพทย์และประชาชน ปัจจุบันเปรูใช้งานวัคซีนของซิโนฟาร์มจากจีน และวัคซีนไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ของสหรัฐ แต่กำลังมีการเจรจากับผู้ผลิตอีกหลายรายด้วย โดยผู้นำเปรู วัย 76 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีนของซิโนฟาร์ม เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา